คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์

การอบไอน้ำสมุนไพร เป็นการนำสมุนไพรสดหรือแห้งหลายๆชนิดมาต้มเพื่อให้เกิดไอน้ำขึ้นภายในตู้อบหรือกระโจม นิยมใช้ในการบำบัดและส่งเสริมสุขภาพมากขึ้น ในการกระตุ้นระบบการไหลเวียนเลือด บรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ช่วยให้หลอดลมขยายหายใจสะดวกมากขึ้น และขับน้ำคาวปลาในหญิงหลังคลอด วิธีการอบไอน้ำสมุนไพร เข้าอบไอน้ำไม่ควรเกิน 10-15 นาที ต่อรอบ ออกมาพักข้างนอกตู้อบประมาณ 5 นาที เป็นเวลา 2 รอบ 

การอบไอน้ำสมุนไพรมีประโยชน์อย่างไร

  • กระตุ้นการไหลเวียนของเลือดลมให้ดีขึ้น 
  • บรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ 
  • บรรเทาอาการคัดจมูกในผู้ที่เป็นหวัด โรคภูมิแพ้อากาศ หรือโรคหอบหืดที่ไม่รุนแรง 
  • ช่วยเปิดรูขุมขนและขับเหงื่อ 
  • ช่วยขับน้ำคาวปลาในหญิงหลังคลอด 

การอบไอน้ำสมุนไพรมีข้อห้าม/ข้อควรระวังอย่างไรบ้าง 

ข้อห้ามในการอบไอน้ำสมุนไพร 

  • มีไข้สูงเกิน ๓๘.๕ องศาเซลเซียส  
  • มีอาการอ่อนเพลีย อดนอน อดอาหาร  
  • หลังรับประทานอาหารอิ่มใหม่ ๆ ไม่เกิน ๓๐ นาที  
  • ผู้ที่เป็นโรคติดต่อร้ายแรง เช่น วัณโรค 
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคลมชัก โรคลมบ้าหมู โรคหอบหืดระยะรุนแรง โรคไตชนิดรุนแรง โรคหัวใจ มีอาการเจ็บแน่น หน้าอก หอบเหนื่อย 
  • ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงกว่า ๑๔๐/๙๐ มิลลิเมตรปรอท ที่มีอาการหน้ามืด วิงเวียนศีรษะ ปวดศีรษะ หรือคลื่นไส้ อาเจียน 
  • ผู้ที่มีบาดแผลเปิด มีการอักเสบของบาดแผล หรือโรคติดเชื้อทางผิวหนัง 
  • หญิงขณะมีประจำเดือน หรือตั้งครรภ์  
  • ผู้ที่แพ้สมุนไพร หรือแพ้ความร้อน 

ข้อควรระวังในการอบไอน้ำสมุนไพร 

  • ผู้ที่มีความดันโลหิตต่ำกว่า ๙๐/๖๐ หรือสูงกว่า ๑๔๐/๙๐ มิลลิเมตรปรอท มีความเสี่ยงต่อการเป็นลมหมดสติ ต้องสังเกตอาการและดูแลอย่างใกล้ชิด 
  • ไม่ควรอบนานเกิน ๓๐ นาที จะทำให้สูญเสียน้ำและเกลือแร่ทางเหงื่อ ส่งผลให้อ่อนเพลียและอาจเป็นลมได้ 
  • ในขณะอบไอน้ำสมุนไพร หากมีอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก ควรหยุดทันที 
ไซต์นี้ลงทะเบียนกับ wpml.org ในฐานะไซต์พัฒนา สลับไปยังไซต์การผลิตโดยใช้รหัส remove this banner.